หากบริษัทต่างๆ ให้ความสนใจเรื่องเทคโนโลยี พวกเขาจะรู้จักคำว่า Robotic Process Automation (RPA) หรือ Artificial Intelligence (AI) อย่างแน่นอน ซึ่งทั้งสองคำนี้ในปัจจุบันเป็น Keyword ด้านเทคโนโลยีที่มีปริมาณการใช้งานเข้าชมเว็บไซต์เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตามสำหรับผู้คนจำนวนมาก RPA และ AI นั้นยังไม่มีคำจำกัดความไว้อย่างชัดเจน บางคนอาจจะสับสนเรื่องคุณสมบัติของเครื่องมือสองอย่างนี้ซึ่งนำไปสู่การเลือกใช้เทคโนโลยีที่ไม่เหมาะสมและไม่มีประสิทธิภาพในท้ายที่สุด

1. RPA คืออะไร?

RPA (Robotic Process Automation) เป็นหุ่นยนต์ซอฟต์แวร์ที่มาแทนที่มนุษย์ในการทำงานเชิงตรรกะที่กำหนดตายตัวโดยไม่จำเป็นต้องมีความรู้ด้านการเขียนโปรแกรม ด้วยการติดตั้งเพียงครั้งเดียว RPA สามารถดำเนินการทำงานซ้ำๆได้อย่างแม่นยำจึงช่วยลดข้อผิดพลาดและยกระดับคุณภาพ Output ที่ออกมา นอกจากนี้ WinActor ซึ่งเป็นโซลูชัน RPA อันดับหนึ่งในญี่ปุ่นก็ดูเหมือนจะเป็นตัวเลือกยอดนิยมสำหรับธุรกิจส่วนใหญ่ที่มุ่งมั่นในการเพิ่มประสิทธิภาพกระบวนการทำงานและการบริหารงาน

2. AI คืออะไร?

ในขณะที่ RPA (Robotic Process Automation) เป็นโซลูชันซอฟต์แวร์ที่ “เลียนแบบ” วิธีการปฏิบัติของมนุษย์ AI (Artificial Intelligence) จะทำการจำลองปัญญาของมนุษย์โดยใช้เครื่องจักรต่างๆ โดยเฉพาะระบบคอมพิวเตอร์ แอพพลิเคชั่น AI บางตัวที่ใช้งานได้จริง ได้แก่ การประมวลผลด้านภาษา การรู้จำเสียงพูดและภาพ และการจัดการระบบ เป็นต้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคสาธารณสุขนั้น AI ช่วยในการวินิจฉัยผลตรวจแบบ CT Scan หรือถูกใช้ใน AI Speaker (ลำโพงอัจฉริยะ) เพื่อให้บริการในชีวิตประจำวันอย่าง “Google Home” หรือ“ Amazon Echo”.

3. RPA และ AI แตกต่างกันอย่างไร?

เครื่องมือ RPA จำนวนมากยอมให้มีการปรับเปลี่ยน Scenario ได้โดยใช้ GUI โดยตรงบนหน้าจอคอมพิวเตอร์โดยไม่จำเป็นต้องเขียนโปรแกรม ดังนั้นใครก็ตามที่มีความเชี่ยวชาญในกระบวนการทางธุรกิจก็จะสามารถนำ RPA ไปใช้กับงานของตนเองได้ เมื่อเทียบกับ AI แล้วปริมาณที่ต้องเรียนรู้ด้วยตนเองสำหรับ RPA นั้นน้อยกว่ามาก ดังนั้นจึงแทบไม่มีอุปสรรคในการนำไปติดตั้งใช้งาน ด้วยเหตุนี้ RPA ซึ่งมีคุณสมบัติที่น่าประทับใจเหล่านี้จึงถูกนำไปใช้อย่างกว้างขวางในหลายๆ องค์กรและคาดว่าจะมีส่วนช่วยในการปรับปรุง Productivity รวมทั้งช่วยลดชั่วโมงการทำงานของพนักงานลงด้วย.

4. การพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่บูรณาการ RPA และ AI เข้าด้วยกัน

ในการปฏิวัติเทคโนโลยีครั้งที่ 4 การเริ่มต้นด้วยเทคโนโลยีที่เรียบง่ายอย่าง RPA เพื่อที่จะค่อยๆ เพิ่มอัตราการใช้งาน IT เป็นสิ่งที่ยั่งยืน เราขอแนะนำกรณีตัวอย่างบางส่วนของการประยุกต์ใช้ AI บนพื้นฐานของ RPA ดังต่อไปนี้.

การขยายช่วงการประมวลผลข้อมูลของ RPA

บริษัทต่างๆ ใช้ AI-OCR / AI Speaker เพื่อแปลงข้อมูลเป็นรูปแบบดิจิทัลโดยเป็นข้อความ รูปภาพหรือเสียง (ข้อมูลที่มีโครงสร้างชัดเจนและข้อมูลที่ไม่มีโครงสร้าง) และด้วยเหตุนี้จึงขยายขอบเขตของงานที่สามารถทำเป็นแบบอัตโนมัติได้ กล่าวอีกนัยหนึ่งคือธุรกิจต่างๆ มีการเชื่อมโยงตาของ AI-ORC และหูของ AI เข้ากับหุ่นยนต์ของพวกเขา.

การเชื่อมโยงกับวิชาชีพที่ต้องใช้ความสามารถในการตัดสิน เช่น การประเมิน

ในอนาคตจะมีจำนวนผลิตภัณฑ์ AI ที่ออกแบบมาเป็นพิเศษเพื่อวัตถุประสงค์เฉพาะทางเพิ่มขึ้น เมื่อบูรณาการเข้ากับผลิตภัณฑ์ AI นี้ RPA จะสามารถดำเนินงานที่มีความซับซ้อนมากขึ้นแบบอัตโนมัติได้ ลองนึกภาพดูว่า ตอนนี้หุ่นยนต์อัตโนมัติ RPA ของคุณกำลังทำงานร่วมกับที่ปรึกษาการประเมิน AI!

RPA และ AI ปรากฏอยู่ในรายชื่อโซลูชันด้านเทคโนโลยีอันดับต้นๆ โดยมีจุดแข็งที่แตกต่างกัน บริษัทควรพิจารณาวัตถุประสงค์ในการใช้งานอย่างรอบคอบเพื่อเลือกโซลูชันที่มีประสิทธิภาพและเหมาะสมที่สุดมาช่วยสนับสนุนธุรกิจของตนบนเส้นทางแห่งการพัฒนา